Document

เสลา

  • ชื่อสามัญ : Thai bungor
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lagerstroemia loudonii Teijsm. & Binn.
  • วงศ์ : LYTHRACEAE
  • ชื่ออื่นๆ : อินทรชิต (ปราจีนบุรี), เกรียบ ตะเกรียบ (จันทบุรี), ตะแบกขน (นครราชสีมา), เสลาใบใหญ่ (สระบุรี)
  • แหล่งที่มา : ในภูมิภาคอินโดจีน พม่าและไทย พบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และป่าชายหาด
  • วันที่บันทึก : 2025-07-08 19:27:29
ลักษณะเด่น

ไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เรือนยอดแน่นทึบรูป ทรงกระบอกหรือพุ่มกลม โคนกิ่งใหญ่ที่แตกจากล าต้นท ามุมแคบขึ้นด้านบน ส่วนปลายกิ่งจะห้อยย้อยลง เปลือกต้นสีเทาเข้มถึงเทาด า ผิวขรุขระ แตกเป็นร่องตามยาว ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย ใบรูปขอบขนาน ยาว 12-24 ซม. ปลายใบหยักคอด เป็นติ่งแหลมสั้นๆ โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนามีขนนุ่มๆ ทั้งสองด้าน ก้านใบยาวไม่เกิน 1 ซม. เสลาเวลาผลัดใบจะทิ้งใบทั้งหมด ดอกช่อแบบช่อแยกแขนง ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 10-30 ซม. ดอกขนาดใหญ่ สีม่วงสด ม่วงอมชมพู หรือม่วงอมขาว เมื่อบานเต็มที่กว้าง 6-8 ซม. กลีบเลี้ยงรูปกรวยหงายโคน ติดกัน ปลายแยกเป็น 6 - 8 กลีบ ปลายกลีบจะพับกลับมาทางก้านผล มีขนปกคลุมด้านนอก กลีบดอกรูปไข่ ขอบเป็นคลื่นๆ 6-8 กลีบ กลีบดอกบางยับย่น ไม่มีกลิ่น เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มก้านเกสรสั้น และกลุ่มก้านเกสรยาว รังไข่เป็นรูปไข่ มีขนนุ่มปกคลุม
ผลแห้งรูปไข่ เปลือกแข็ง มีขนประปราย ยาว 1.5-2 ซม. ผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำและแตกอ้าออกด้านบนเป็น 5-6 ซีก มีเมล็ดเล็กๆ จำนวนมาก เมล็ดเล็กรูปรี สีน้ำตาล มีปีกบางๆ และโค้งติดทางด้านบนหนึ่งปีก

ประโยชน์

ผล ใช้ทาไม้ประดับแห้ง เปลือก ใช้สมานแผล แก้ท้องเสีย ใบ บดกับกำยาน ใช้ทาผดผื่นคัน

ความสูงโดยประมาณ

10-20 เมตร